วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

อันตรายจากเครื่องสำอางค์

ในปัจจุบันเครื่องสำอางที่ช่วยให้ใบหน้าขาวเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเครื่องสำอางดังกล่าวเป็นเครื่องสำอางทั่วไป จึงยังไม่มีการควบคุม การใช้สารสำคัญ ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่ช่วยทำให้ใบหน้าขาวขึ้น จากข้อมูล ผลวิเคราะห์พบว่ามีการลักลอบใช้สารห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ช่วยให้ใบหน้า ขาวได้แก่
สารไฮโดรควิโนน, กรดเรทิโนอิก และปรอทแอมโมเนีย


สารไฮโดรควิโนน
มีคุณสมบัติในการฟอกสีผิว (Skin bleaching agent) เป็นสารที่เคยอนุญาต ให้ใช้ในครีมแก้ฝ้า แต่ภายหลังพบว่า สารไฮโดรควิโนน ทำให้เกิดการระคายเคือง และจุดด่างขาวที่หน้าผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวรรักษาไม่หาย (ochronosis หรือ defiguring effect) นอกจากนี้พบว่า สารไฮโดรควิ-โนน มีความเป็นพิษ โดยมีค่า LD50 orally in rats เท่ากับ 320 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1 กิโลกรัม พบว่ามีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ และก่อมะเร็งในหนู rat และ mice สามารถใช้เป็น สารออกฤทธิ์ในสูตรตำรับยาชนิดครีม ที่ระดับความเข้มข้น 2-4 % สารไฮโดรควิโนน ถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับใบหน้า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ตาม พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535
กรดเรทิโนอิก
เป็นสารที่ช่วยให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง และหลุดลอก ได้ (peecling agent) จึงช่วยให้สิวเสี้ยนและผิวหนังที่หยาบกร้านหลุดลอกออกง่าย ขึ้นทำให้ผิวผ่องใสและนุ่มเนียน โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ สารไฮโดรควิโนน จะช่วยให้ สารไฮโดรควิโนน ซึมเข้าสู่ผิวหนังและออกฤทธิ์ได้มากกว่าปกติ ความเป็นพิษ คือ ทำให้หน้าแดง และแสบร้อนรุนแรง เกิดการระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย เป็นอันตรายต่อทารก ในครรภ์ มีคุณสมบัติ teratogenesis มีค่า LD50 orally in rats เท่ากับ 2,000 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1 กิโลกรัม กรด เรทิโนอิก ถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 และเป็นสารห้ามใช้ลำดับที่ 375 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ตามที่ปรากฏใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 80 ง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 กรดเรทิโนอิกสามารถใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในสูตรตำรับยาชนิดครีมที่ระดับ ความเข้มข้น 0.01-0.1 %

ปรอทแอมโมเนีย
ออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ทำให้ ลดการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน จึงช่วยให้ผิวขาวขึ้น ปรอทแอมโมเนีย มี ฤทธิ์ฆ่า เชื้อแบคทีเรีย ชนิด staphylococcus จึงป้องกันสิวได้ด้วย ปรอท แอมโมเนียสามารถ ทำลายไต ระบบประสาท เยื่อบุและทางเดินหายใจ การใช้ปรอทแอมโมเนียติดต่อกัน เป็นเวลานานจะทำให้เกิดพิษสะสมของสารปรอทในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแส โลหิต ทำให้ตับและไตอักเสบ เกิดโรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทำลายสี ของผิวหนังและเล็บมือ ทำให้ผิวบางขึ้นเรื่อยๆ เกิดการแพ้หรือเป็นแผลเป็นได้ มี ความเป็นพิษเฉียบพลัน ค่า LD50 orally in rat เท่ากับ 86 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว หนู 1 กิโลกรัม ถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 และเป็นสารห้ามใช้ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสม ใน การผลิตเครื่องสำอาง ลำดับที่ 221 ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอน พิเศษ 80 ง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 โดยกำหนดชื่อสารห้ามใช้ คือ “ปรอท และสารประกอบของปรอท”
จากผลการตรวจวิเคราะห์ของกองเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย ในปีงบประมาณ 2547 ถึง มิถุนายน 2551 พบว่า ตรวจพบสารห้ามใช้ร้อยละ 31 (157 จาก 501 ตัวอย่าง), ร้อยละ 23 (72 จาก 317 ตัวอย่าง), ร้อยละ 23 (92 จาก 405 ตัวอย่าง), ร้อยละ 28 (146 จาก 531 ตัวอย่าง) และ ร้อยละ 15.4 (76 จาก 493 ตัวอย่าง) ตามลำดับ สารห้ามใช้ที่ตรวจพบมากที่สุด คือ ปรอทแอมโมเนีย โดยตรวจพบ ร้อยละของตัวอย่างที่ตรวจวิเคราะห์ทั้งหมด ดังนี้ ร้อยละ 14 (71 จาก 501 ตัวอย่าง), ร้อยละ 19.6 (62 จาก 317 ตัวอย่าง) ร้อยละ 10.6 (43 จาก 405 ตัวอย่าง), ร้อยละ 16.9 (90 จาก 531 ตัวอย่าง) และ ร้อยละ 8.5 (42 จาก 493 ตัวอย่าง) ตามลำดับ รองลงมาคือ ตรวจพบสารไฮโดรควิโนน รวมกับกรดเรทิโนอิก และพบตัวอย่างที่มี สารไฮโดรควิโนน หรือ กรดเรทิโนอิกอย่างเดียว รองลงมาตามลำดับ จะเห็นว่า ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ยังคงพบสารห้ามใช้ทั้ง 3 ชนิด โดยไม่ได้ลดจำนวนลงเลย ตามกฎหมายใหม่ ด้านเครื่องสำอางของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายเครื่องสำอางอาเซียนกำหนด ให้เครื่องสำอางทุกชนิดเป็นเครื่องสำอางควบคุม เป็นผลให้ผู้ประกอบการต้องแจ้งและจัดทำแฟ้ม ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดก่อน ผลิตหรือนำเข้า ซึ่งจะทำให้การติดตามกำกับดูแลได้อย่างครอบคลุม ช่วยแก้ปัญหาการใช้สารห้ามใช้ ในเครื่องสำอางได้


ลิป Tint

ยี่ห้อ : ETUDE HOUSE
ราคา : 380 ฿
รุ่น : Dear Darling
















ยี่ห้อ : ETUDE HOUSE
ราคา : 390 ฿
รุ่น : Peach Dear Darling







มาสคาร่า




ยี่ห้อ : ETUDE HOUSE
ราคา : 400 ฿
รุ่น : Black X Black Mascara
ขนตา เด้ง ดำ คูณสอง จาเซทพีช ของอิทูดี้

เคล็ดลับการแต่งหน้า
























การแก้ไขส่วนบกพร่องบนใบหน้า

การแก้ไขรูปหน้าเป็นเทคนิค
และทักษะของช่างเสริมสวยในการจัดแต่งใบหน้าให้สวยเด่นและปิดบังบางส่วนที่ไม่สวยงาม
โดยวิธีใช้ เครื่องสำอาง ปกปิดแทน เพื่อเน้นส่วนบกพร่องให้ดีและสวยยิ่งขึ้น มีวิธีการดังนี้วิธีแก้ไขรูปหน้า

1.ใบหน้ารูปไข่ เป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แต่งแบบใดก็ได้แล้วแต่ชอบ การปัดแก้มด้วยบรัชออนนิยมปัดเป็นรูปสามเหลี่ยมเฉียงขึ้นไปยังขมับ และใช้สีขาวเน้นจุดเด่น เช่นที่โหนกคิ้ว หน้าผาก และโหนกแก้มเท่านั้น

2.ใบหน้ากลม เป็นใบหน้าอิ่มเต็มบริเวณโหนกแก้มจะกว้างกว่าปกติ และปลายจมูกกลมมน -ใช้รองพื้นสีเข้มเป็นตัวแรเงาโดยทาลงบริเวณที่ต้องการแก้ไข เกลี่ยให้ทั่ว แต่อย่าให้เป็นขอบชัดเจน -ใช้บรัชออนปัด ให้ปัดตั้งแต่ข้างแก้มไล่ลงมาหาแนวคางเกลี่ยให้เนียน กลมกลืนแล้วปัดบรัชออนเป็นรูปสามเหลี่ยมให้ขนานกัน ใบหูจรดแนวขากรรไกร เพื่อใบหน้าจะได้เรียวลงแบบธรรมชาติ

3.ใบหน้าเหลี่ยม เป็นใบหน้ามีลักษณะกว้าง และมีขากรรไกรเป็นรูปเหลี่ยม -ใช้รองพื้นสีเข้มแรเงา บริเวณโหนกแก้มต่อมาที่กรามเป็นรูปเหลี่ยม ใช้รองพื้น 2 ระดับสี รองพื้นสีเข้มใช้บริเวณกรามด้านใน ทำให้กลมกลืนไปกับแนวโค้งของใต้กรามลงมาถึงคาง สีอ่อนกว่าให้อยู่ในแนวข้างแก้ม ทำให้สีกลมกลืนไปกับส่วนกลางของใบหน้า -ใช้บรัชออนทาปัด โดยทาปัดเป็นรูปสามเหลี่ยมที่บริเวณโหนกแก้มปิดให้จางลงมาใต้โหนกแก้ม ปัดบรัชออนจางๆ ลงในแนวไรผมถึงขมับด้วยเพื่อลดความแข็งกระด้างของรูปหน้า

4.ใบหน้ารูปหัวใจ เป็นใบหน้าที่มีลักษณะกว้างและสั้น หน้าผากกว้าง คางแหลม แก้มอิ่ม -ใช้รองพื้นสีเข้มบริเวณข้างหูและขมับทั้งสองข้าง เกลี่ยให้กลมกลืนกัน -ใช้บรัชออนปัดบริเวณข้างหูและขมับ แล้วปัดบรัชออนเป็นรูปไข่ ตามแนวกระดูกโหนกแก้ม